หลายครั้งที่เราทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์ หรือส่งรายงานต่อหัวหน้า แต่เรากลับไม่สามารถเสร็จสิ้นการทำรายงานได้อย่างสมบูรณ์ เพราะที่บ้านไม่มีเครื่องปริ๊นเอกสาร หรือมีแต่หมึกหรือกระดาษหมดกะทันหันไปซะอย่างงั้น ทำให้ต้องตาลีตาเหลือกออกไปหาร้านปริ๊นเอกสารตามร้านถ่ายเอกสารหรือร้านเน็ตคาเฟ่ เผลอ ๆอาจจะหาร้านปริ๊นเอกสารไม่ได้หากงานที่เราทำเสร็จช่วงดึก ใครที่เบื่อกับปัญหาเหล่านี้และตัดสินใจที่จะซื้อเครื่องปริ๊นเอกสารดี ๆ สักเครื่องมาใช้งานล่ะก็ อย่าพลาดที่จะอ่านบทความนี้เชียว เพราะเราจะมาบอกแนวทางการเลือกซื้อเครื่องปริ๊นเอกสารที่เหมาะกับการใช้งานว่าจะพิจารณาจากอะไรได้บ้าง บอกก่อนเลยว่าเครื่องปริ๊นเอกสารในสมัยนี้เป็นระบบมัลติฟังชั่น (All In One) สามารถทำงานได้หลายอย่าง เช่น เครื่องโทรสาร เครื่องสแกน เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร ทำให้สะดวกในการจัดการงานเอกสารได้มากขึ้น ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องปริ๊นเตอร์หรือเครื่องปริ๊นเอกสารจะพิจารณาจาก

–          การใช้งาน มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากเราซื้อเครื่องปริ๊นเอกสารมาโดยไม่ทราบว่ามันมีคุณสมบัติอะไรบ้าง และไม่รู้ว่าเราจะใช้มันทำอะไรได้บ้างนอกจากปริ๊นเอกสาร ถ้าใช้งานเพียงแค่ปริ๊นเอกสารสีหรือขาวดำโดยไม่เน้นความคมชัดมาก ก็แนะนำให้ลองมองหาเครื่องปริ๊นเตอร์แบบอิงค์เจคหรือเลเซอร์ธรรมดา ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว สนธิราคาตกอยู่เพียงพันกว่าบาทเท่านั้น

–          ยี่ห้อ ยี่ห้อมีส่วนสำคัญในการช่วยตัดสินใจเป็นอย่างมาก เพราะยี่ห้อนั้นหมายรวมถึงการบริหารหลังการขาย การเคลม อะไหล่ การซ่อมแซม ราคาหมึก และราคาเครื่องปริ๊นเอกสาร บางยี่ห้ออาจจะมีคุณสมบัติการใช้งานที่เหมือน ๆ กัน แต่ราคาการตลับหมึกแตกต่างกัน นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลในการตัดสินใจเลือกซื้อได้

–          การซ่อมแซม/บำรุงรักษา ใครที่มีเครื่องปริ๊นเอกสารอยู่ที่บ้านก็คงหงุดหงิดใจไม่น้อยเวลาที่กระดาษเข้าไปติดอยู่ในเครื่องปริ๊น เครื่องปริ๊นเอกสารที่ดีต้องมีระบบตรวจสอบระบบการทำงานภายในตัวเองและแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขได้ทุกจุดและถูกวิธี เช่น สัญญาณไฟเตือนว่าหมึกใกล้หมด กระดาษติด กระดาษหมด และการใช้งานในบางจุดมีความบกพร่อง เป็นต้น